วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

บางแก้ว (Bangkaew)



แหล่งกำเนิด : ประเทศไทย
ประเภท : เลี้ยงเป็นเพื่อน
การจัดกลุ่มของ เค ซี ที : กลุ่ม 5 สปิทซ์ และพันธุ์พื้นเมืองส่วน 5 เอเชี่ยนสปิทซ์ และเครือญาติยกเว้นการทดสอบใช้งาน
ประวัติโดยย่อ : เป็นสุนัขไทยพันธุ์หนึ่ง มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่หมู่บ้านบางแก้ว ตำบลท่านางงาม อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ประเทศไทย ที่มาของสุนัขสายพันธุ์ นี้เกิดจากความบังเอิญที่สุนัขเพศเมียสีขาวดำของท่านเจ้าอาวาสวัดบางแก้วได้ไปผสมพันธุ์กับสุนัขป่า และได้ให้กำเนิดลูกสุนัขครอกหนึ่งซึ่งถือเป็นต้นตระกูลของสุนัขพันธุ์บางแก้วในปัจจุบันปี พ.ศ. 2500 ได้มีการร่วมกันพัฒนาและกำหนดมาตรฐานแห่งสายพันธุ์ขึ้น เพื่อจะให้มีลักษณะประจำพันธุ์เป็นเอกลักษณ์ที่แน่นอน อันเป็นที่มาแห่งสายพันธุ์บริสุทธิ์ในปัจจุบันสุนัขพันธุ์บางแก้วถือว่าเป็นมรดกอันล้ำค่าของจังหวัดพิษณุโลก ชาวบ้านนิยมเลี้ยงกันแทบจะทุกครัวเรือน ปัจจุบันมีผู้นิยมนำไปเลี้ยงกันอย่างแพร่หลายทั่วทุกภาคของประเทศ





ลักษณะทั่วไป : เป็นสุนัขสายพันธุ์ขนาดกลาง โครงสร้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีสัดส่วนที่กลมกลืน ประกอบด้วยกล้ามเนื้อที่สมบูรณ์ แข็งแรง มีการเลื่อนไหวที่คล่องแคล่ว
สัดส่วนที่สำคัญ : ความยาวของลำตัว : ความสูงที่ไหล่ = 1 : 1
ความลึกของหน้าอก : ความสูงที่ไหล่ = 1 : 2
พฤติกรรม/อารมณ์ : ตื่นตัว ร่าเริง รักเจ้าของ เชื่อมั่นในตัวเอง จิตประสาทมั่นคง ไม่ขลาดกลัว ซื่อสัตย์ หวงแหนทรัพย์สิน ฉลาดปราดเปรียว กล้าหาญ สามารถฝึกใช้งานได้
กะโหลก : ค่อนข้างใหญ่ ได้สัดส่วนกับลำตัว
ดั้งหัก : มีมุมหักเล็กน้อย
จมูก : สีดำ ขนาดได้สัดส่วนกับปาก
สันจมูก : ตรงและยาวพอสมควร
กรวยปาก : ยาวปานกลาง โคนปากใหญ่เรียวจรดปลายจมูก
ริมฝีปาก : แนบสนิทและมีสีเข้ม
ปาก : มีสีขาวรอบกรวยปาก (เรียกว่า ปากคาบแก้ว) เป็นที่พึงประสงค์
ขากรรไกร : ขบกันแนบสนิทแบบกรรไกร (Scissor Bite) โดยปลายฟันหน้าด้านล่างแตะโคน ด้านในของฟันบน อนุโลมให้ฟันขบเสมอกันพอดี (Level Bite)
ฟัน : เล็ก และแหลมคม สุนัขโตควรมีฟันครบ 42 ซี่
ตา : เล็กคล้ายเมล็ดอัลมอนด์ (Almond) มีสีดำและสีน้ำตาล
หู : เป็นรูปสามเหลี่ยม มีขนาดเล็กได้สัดส่วนกับหัว ตั้งป้องไปข้างหน้า มีขนอ่อนที่กกหูและหลังใบหู
คอ : ใหญ่ ล่ำสัน รับกับหัว และช่วงไหล่มีแผงขนยาวรอบคอ
หลัง : เส้นหลังตรง
เอว : แข็งแรงและกว้าง
บั้นท้าย : ใหญ่และแข็งแรง ส่วนหลังมีขนยาวลามมาจนถึงข้อขาหลังท่อนบน
อก : กว้าง และลึกได้ระดับเดียวกับข้อศอก โครงกระดูกหน้าอกมีลักษณะเป็นรูปวงรี
เส้นล่าง : ท้องเว้าไม่มาก
หาง : โคนหางใหญ่ ขนหางเป็นพวง ปลายโค้งเข้าหาเส้นหลัง
ไหล่ : ลาดเอียงพอประมาณและมีกล้ามเนื้อแข็งแรง
ขาหน้า : ใหญ่กว่าขาหลัง เวลายืนเหยียดตรง และขนานกัน หลังขามีขนยาว ลักษณะคล้ายแข้งสิงห์
ข้อขาหน้า : ข้อเท้าสั้นทำมุมเฉียงเล็กน้อย
เท้า : อุ้งเท้ากลมคล้ายอุ้งเท้าแมว มีขนยาวคลุมนิ้วเท้า
ขาหลัง : เล็กกว่าขาหน้า เวลายืนทำมุมพอเหมาะ
ข้อเท้า : ทำมุมพอเหมาะกับหัวเข่า
ข้อขาหลัง : ตั้งได้ฉากกับพื้น มองทางด้านหลัง ขนานกัน
เท้า : อุ้งเท้ากลมคล้ายอุ้งเท้าแมว มีขนยาวคลุมนิ้วเท้า
การก้าวย่าง : คล่องแคล่วและทรงพลัง มองด้านข้าง ขาหน้าและหลังสอดประสานอย่างกลมกลืน เส้นหลังตรงระนาบ หัวและหางชูขึ้นอย่างสวยงาม มองทางด้านหน้า ขาหน้าและขาหลังไม่แสดงอาการปัดหรือแกว่ง
ขน : ยาวปานกลาง มี 2 ชั้นๆในละเอียดนุ่ม ชั้นนอกเส้นใหญ่เหยียดตรง ยาวคลุมบริเวณ
สี : ขาว – น้ำตาล, ขาว – ดำ, ขาว – เทา
ขนาด : ความสูงที่เหมาะสม วัดที่ไหล่ : เพศผู้ 19-21 นิ้ว (46-56 ซม)เพศเมีย 17-19 นิ้ว (41-51 ซม)อนุโลมให้ขาด-เกินได้ หนึ่งนิ้ว (2.5 เซนติเมตร)
ข้อบกพร่อง :
- ตา หรือ จมูกมีสีอ่อน

- หางไพล่
- ไม่มีแผงขนรอบคอ
- ไม่มีแข้งสิงห์
- หูใหญ่
- ปากใหญ่
- ตากลมโต
- หลังโก่ง
- หลังแอ่น
- ขนาดใหญ่
– เล็ก เกินกว่ามาตรฐานกำหนด
ข้อบกพร่องที่ต้องคัดออก :
- ขนสั้นเกรียน

- หางกุด
- หูไม่ตั้ง
- ฟันบนยื่นล้ำฟันล่าง (Overshot)
- ฟันล่างยื่นล้ำฟันบน (Undershot)
- ฟันขาดเกิน 3 ซี่
- หางม้วนงอ
- หางไม่เป็นพวง
- ความผิดปกติทางจิตประสาท
หมายเหตุ : สุนัขเพศผู้จะมีอัณฑะขนาดปกติ 2 ลูก ลงอยู่ในถุงอัณฑะเรียบร้อย







ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก..

http://www.kcthailand.org/thaibangkaew_th.asp

ไม่มีความคิดเห็น: