วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ไทยหลังอาน (Thai ridgeback)

มาคราวนี้ ด้วยความที่เลือดของความเป็นคนไทยสูงมาก เลยขอนำเสนอเรื่องราวของสุนัขพันธุ์ไทย..ไทย มาให้เพื่อนๆ ได้ทำความรู้จักกัน เข้าใจว่าคงจะมีเพื่อนๆ บางกลุ่ม ที่พอจะทราบข้อมูลเบื้องต้นอยู่บ้าง ยังไงก็ลองมาแลกเปลี่ยนความรู้ให้พวกเราชาวคนรักหมาได้ทราบกันบ้างนะค๊า....

สุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน

เมื่อพูดถึงพันธุ์สุนัขไทย ที่ไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ในฐานะสุนัขประจำชาติ ก็คงหนีไม่พ้น สุนัขพันธุ์ "ไทยหลังอาน" หรือที่ฝรั่งตาน้ำข้าวเรียกกันว่า "Thai ridgeback" โดยเฉพาะที่ประเทศสหรัฐอเมริกาที่ให้ความนิยมกับ น้องหมาไทยพันธุ์นี้กันมาก ก็ด้วยเอกลักษณ์ของอานบนหลัง ลักษณะทางกายภาพที่ดูโดดเด่น สมส่วน สวยงาม และยังมีนิสัยตามสายพันธุ์ที่ไม่ก้าวร้าว เป็นมิตรกับคน แต่ก็พร้อมที่จะเป็นนักล่า และเป็นน้องหมาอารักขาได้อย่างดีเยี่ยมไม่แพ้สายพันธุ์ต่างประเทศ โดยสีที่ทางสหรัฐอเมริกาให้ความนิยม ก็มี Blue, Black, Faun, and Red


สุนัขพันธุ์ไทยหลังอานถือได้ว่าเป็นสุนัขประจำชาติไทย ที่ได้รับการยอมรับให้จดทะเบียนสุนัขต่อสมาพันธ์สุนัขโลก (FCI) ซึ่งเป็นสุนัขพันธุ์ไทยที่มีชาวต่างชาติหลายๆ ประเทศให้ความสนใจและนำไปเลี้ยง ในปัจจุบันสุนัขพันธุ์ไทยถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มฮาวนด์ (GROUP HOUND) โดยสมาคมพัฒนาสุนัข (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดอันดับให้ เพื่ออนาคตของสุนัขไทยหลังอานจะได้ก้าวสู่งานประกวดในกลุ่มฮาวนด์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ


สุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน เป็นสุนัขพื้นเมืองพันธุ์แท้ จากหลักฐานของฝรั่งที่เข้ามาทำแผนที่ในเมืองไทยเมื่อหลายร้อยปีก่อน ได้เรียกสุนัขพันธุ์ไทยหลังอานว่า ' ไทยภูกก ' ตามถิ่นที่มีคือ บนเกาะภูกก (Phu-Quoc) อันเป็นเกาะหนึ่งใกล้จังหวัดตราดซึ่งเคยเป็นของไทย แต่บัดนี้อยู่ ในความครอบครองของเวียดนาม ซึ่งเดิมนั้นสุนัขพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางภาคตะวันออกแถบจังหวัดตราด ชลบุรี ระยอง และในปี พ.ศ. 2413 Cornelis Van Rooyen นักล่าสัตว์ผู้ยิ่งใหญ่สมัยนั้น ได้นำเอาสุนัขไทยหลังอานมาผสม ข้ามพันธุ์กับสุนัขพันธุ์ mastiffs และสุนัขพันธุ์ Greyhounds ซึ่งต่อมาได้มีการพัฒนาพันธุ์สุนัขไปเรื่อยๆ จนกลาย เป็นสุนัขพันธุ์ Rhodesian Ridgeback อันเป็นสุนัขล่าสัตว์ที่มีชื่อเสียงที่สุดพันธุ์หนึ่งของโลก เพราะสามารถใช้ ล่าสิงโตได้จนมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า LionDog การวิวัฒนาการสายพันธุ์สุนัขไทยหลังอาน ไม่มีหลักฐานบันทึกที่แน่นอนว่าเริ่มต้นมาพัฒนาสานพันธุ์ตั้งแต่เมื่อใด แต่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าในปี พ.ศ.2470 หลวงปริพนธ์พจนพิสุทธิ์ (ชาตะ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2441 มรณะ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2531) ท่านเป็นผู้ริเริ่มและพัฒนาสุนัขไทยหลังอาน จนได้สุนัขสีสวาทหลังอาน ที่มีสภาพสวยงาม คือขนสั้นและหางดาบ หลังจากนั้นได้นำไปผสมพันธุ์กับสุนัขไทยที่มีขนเกรียนในจังหวัดจันทบุรีและตราด ได้ลูกสุนัขหลังอานที่มีขนเกียนและกำมะหยี่ และมีผู้สนใจหลายท่านพัฒนา และจัดให้มีการจัดประกวดสุนัขไทยหลังอาน จนเป็นที่นิยมเลี้ยงกันมาจนปัจจุบัน


ซึ่งมาตรฐานสายพันธุ์ที่ยอมรับของสุนัขพันธุ์ไทยหลังอานคือ
มาตราฐานสายพันธุ์ ลักษณะโดยทั่วไป : เป็นสุนัขพันธุ์ขนาดกลาง มีขนสั้น มีอานซึ่งเกิดจากขนอยู่บนแนวหลัง ลำตัวยาวกว่าความสูงที่หนอกคอเล็กน้อย(WITHERS) กล้ามเนื้อพัฒนาดี โครงสร้างของร่างกายเหมาะกับการเคลื่อนไหว
ศีรษะ : บริเวณกะโหลกด้านบนของศีรษะ มีลักษณะแบนและลาดลงเล็กน้อยสู่ดั้งจมูก (จุดต่อระหว่างส่วนหัวกับช่วงปาก) ดั้งจมูกเห็นได้ชัดพอควร การหักมุมไม่มากเกินไป
บริเวณหน้า : จมูกมีสีดำ สันจมูกตรงและยาว ช่วงปากเป็นรูปลิ่ม สุนัขสีน้ำตาล(FAWN) มีลักษณะปากมอม ริมฝีปากปิดสนิท ที่ลิ้นมีปานดำ ขากรไกรบนหนาพอควรและมีขากรรไกรล่างที่แข็งแรง
ดวงตา : ตามีขนาดกลางเป็นรูปอัลมอนด์ ตาสีน้ำตาลเข้ม ในพวกสีกลีบบัวและสีสวาดอนุโลมให้ตามีสีน้ำตาลอมเหลืองได้
หู : ตั้งอยู่ 2 ข้างด้านบนของหัว ทำให้หูอยู่ห่างกัน หูเป็นรูปสามเหลี่ยม ขนาดค่อนข้างใหญ่ ตั้ง และเอียงไปด้านหน้าเล็กน้อย ต้องไม่ตัดหู
คอ : มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ชูหัวให้สูง
ลำตัว : มีหลังที่แข็งแรง เอวแข็งแรงและกว้าง มีบั้นท้ายที่มนปานกลาง
อก : อกลึกถึงข้อศอก ซี่โครงแข็งแรงได้รูป ไม่ทำให้อกกลมเป็นรูปถัง
หาง : โคนหางใหญ่แล้วค่อยๆ เรียวลงสู่ปลาย ปลายหางยาวถึงส้นเท้า(HOCK JOINT) หางตั้งในแนวดิ่งหรือโค้งคล้ายเคียว
ขา : ขาหน้าตรง ขาหลังมีโคนขาที่ใหญ่ เข่างอ ข้อเท้าหลัง(HOCK) แข็งแรง เล็บสีดำหรืออาจมีสีอ่อนจนเป็นสีน้ำตาล
ท่วงท่าการเดิน : ก้าวเท้าโดยลำตัวไม่กระเพื่อมมาก หรือลำตัวโคลงซ้าย-ขวา ก้าวเดินเป็นขนาน 2 แนว เมื่อมองจากด้านข้างขาหน้าจะเคลื่อนขึ้นลงเป็นแนวตรงในลักษณะที่ไหล่ ข้อศอก และข้อขาหน้าเกือบอยู่ในแนวเดียวกัน เมื่อมองจากด้านหลังจะเห็นเข่าและข้อสะโพกเกือบอยู่บนแนวเดียวกัน เคลื่อนที่ไปข้างหน้าในแนวตรงโดยเท้าไม่สะบัดเข้าหรือออก การก้าวเท้าจึงยาวและมีแรงขับที่ดี ลักษณะทั่วไปขณะที่สุนัขเคลื่อนที่นั้น จะนุ่มนวลและมีจังหวะที่สมดุลย์ดี
ขน : ขนสั้นเรียบ อานเกิดจากเส้นขนที่เกิดขึ้นในแนวตรงข้ามกับเส้นขนปรกติ โดยอานจะเริ่มจากโหนกคอหลังบักเล็กน้อยและยาวไปถึงบริเวณสะโพก อานควรเห็นได้ชัด เรียวและสมดุลย์กันทั้ง 2 ข้าง นิยมพวกที่มีอานแคบ
ขนาด : ความสูงที่โหนกคอ(วัดแนวดิ่งขึ้นจากด้านหลังของขาหน้า) เพศผู้สูง 24-26 นิ้ว เพศเมียสูง 22-24 นิ้ว FCI Standard No.338/25.02.2004/GB



ไม่มีความคิดเห็น: